Toggle navigation
ข่าวเวียดนาม:พวกเรามิอาจที่จะสูญเสียพื้นที่ทางทะเลและหมู่เกาะ
06/08/2019 | 09:52 GMT+7
Share :
ผมคิดว่าพวกเราไม่อาจที่จะปล่อยให้เกิดการสูญเสียพื้นที่ทางทะเลของเรา  ผมได้กล่าวถึงประเด็นนี้มาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปีแล้ว พวกเราไม่สามารถอ้างอิงถึงเหตุผลใดๆ ได้เลยในการที่จะปล่อยให้สูญเสียพื้นที่ทางทะเลและหมู่เกาะ
ท่านทูตเหงียนเตื่องซาง ผู้ที่ได้ใช้เวลากว่า 10 ปีคลุกคลีกับการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับสถานการณ์ทางทะเลและหมู่เกาะได้เปิดเผยถึงความคิดเห็นของตนเกี่ยวกับสถานการณ์ความเป็นไปในแถบพื้นที่หาดตือจิ๋ง (Bãi Tư Chính)  สำหรับคอลัมน์หนึ่งสัปดาห์ในเวียดนามในวาระนี้จึงขอนำเสนอเนื้อหาดังกล่าวดังต่อไปนี้   


Bãi Tư Chính
หาดตือจิ๋ง (Bãi Tư Chính)

กล่าวได้ว่า ในปัจจุบันพวกเรากำลังดำรงอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ทางด้านประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญต่อชาติบ้านเมืองเป็นอย่างยิ่งเนื่องจากพวกเรากำลังเผชิญหน้ากับการรุกรานโดยสามารถอ้างอิงได้จากหลักเกณฑ์และคำจำกัดความที่รับรองโดยองค์การสหประชาชาติซึ่งที่ประชุมใหญ่ขององค์การสหประชาชาติได้เห็นพ้องร่วมกันตั้งแต่ปี ค.ศ. 1974 เป็นต้นมา พวกเราต้องสรุปว่า พวกเรากำลังเผชิญหน้ากับการรุกรานพื้นที่ทางทะเลครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ (สำหรับในพื้นที่ทางบกนั้นถือว่ามีการรุกรานขนาดใหญ่มากกว่านี้หลายครั้ง)

พวกเราจำต้องจดจำถึงประเด็นสำคัญนี้  สิ่งต่าง ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในแถบพื้นที่หาดตือจิ๋งถือเป็นหลักฐานที่ชัดเจนเพื่อยืนยันถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น หากมีคำถามว่าเพราะเหตุใดมันจึงกลายเป็นช่วงเวลาที่สำคัญในประวัติศาสตร์ ?  คำตอบก็คือเนื่องจากช่วงเวลานี้คือช่วงเวลาที่จะตัดสินว่าเราจะยังคงรักษาพื้นที่ทางทะเลไว้ได้หรือจะสูญเสียมันไป  ช่วงเวลานี้คือช่วงเวลาที่จะตัดสินว่าประเทศของเราจะเป็นประเทศที่อ่อนแอหรือเป็นประเทศที่หาญกล้าและเข้มแข็ง

กล่าวได้ว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในแถบพื้นที่หาดตือจิ๋งถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญอย่างยิ่งในการต่อสู้เพื่อปกป้องอธิปไตยของพวกเรา  ผมคิดว่านี่คือการต่อสู้เชิงยุทธศาสตร์เช่นเดียวกับในกรณีของเดียนเบียนฟูเมื่อปี ค.ศ. 1954 หรือกรณีของยุทธการเดียนเบียนฟูทางอากาศเมื่อปี ค.ศ. 1972  มันจะเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดจุดเปลี่ยนผ่านในการต่อสู้เพื่อรักษาพื้นที่ทางทะเลของพวกเรา  มันมีลักษณะเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญและผลของมันจะเป็นปัจจัยที่ตัดสินอนาคตของประเทศเวียดนาม

พวกเรากำลังเผชิญหน้ากับทางเลือกที่ค่อนข้างหนักหนาสาหัส  มีบางคนได้กล่าวว่า พวกเราจะต้องทำอย่างไรถึงจะมีสรรพกำลังเพียงพอที่จะต่อสู้เพื่อปกป้องพื้นที่ทางทะเลและหมู่เกาะของพวกเรา  พวกเราจำต้องรักษาไว้ซึ่งสันติภาพและความสงบ เนื่องจากสันติภาพและความสงบนั้นเป็นปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนาชาติบ้านเมือง  เมื่อวันก่อน ผมรู้สึกประหลาดใจที่วีดีโอคลิปบางชิ้นได้กล่าวว่า พวกเราไม่มีศักยภาพเพียงพอที่จะต่อต้าน และการที่มีพื้นที่ทางทะเลและหมู่เกาะบางแห่งสูญเสียไปนั้นก็คงมิได้ส่งผลอย่างใหญ่หลวงต่อการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมของเวียดนาม  ผมมีความรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่งที่บางคนกล่าวว่า พวกเขาเข้มแข็งส่วนพวกเรานั้นอ่อนแอ  พวกเราจะปกป้องพื้นที่ทางทะเลไว้ได้อย่างไร  การที่พวกเราลุกขึ้นมาทำการปกป้องเกาะแก่งต่างๆ จะมินำไปสู่การทำสงครามหรอกหรือ และถ้าหากเป็นเช่นนั้นก็คงจะไม่มีสันติภาพและเสถียรภาพใดๆ

ขอเรียนกับท่านทั้งหลายว่า ถ้าหากว่าพวกเราต้องสิ้นชาติและสูญเสียพื้นที่ทางทะเลแล้วพวกเราจะแสวงหาสิ่งที่เรียกว่าเสถียรภาพมาจากไหน นั่นแหละคือสัจธรรมที่แสนจะเรียบง่าย

ในช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์นี้ พวกเราต้องเผชิญหน้ากับทางเลือกว่าจะปล่อยให้สูญเสียพื้นที่หาด   ตือจิ๋งหรือไม่ ? หรือว่าจะเกิดเหตุการณ์ดังที่เกิดขึ้นกับหมู่เกาะปะการังสการ์โบโรห์ในปี ค.ศ. 2012 หรือไม่ ?  กล่าวได้ว่า ช่วงเวลานี้คือช่วงเวลาที่เราต้องตัดสินใจ 

กรณีของหาดตือจิ๋งได้เผยให้เห็นถึงความคิดอันชั่วร้ายของพวกเขาที่ต้องการเปลี่ยนพื้นที่ทะเลตะวันออกให้กลายเป็นพื้นที่ภายใต้การครอบครองของตน  
 
‘Chúng ta không thể mất biển, mất đảo được’
ท่านทูตเหงียนเจื่องซาง “พวกเราไม่อาจปล่อยให้เสียพื้นที่ทางทะเลและเกาะแก่งต่าง ๆ”

แล้วเวียดนามมีทางเลือกอย่างไร ?  พวกเราจะเลือกที่จะขออนุญาตพวกเขาเพื่อทำการจัดส่งเสบียงเข้าไปให้แก่เหล่านักรบของเราที่ประจำการอยู่บนเกาะหรือไม่ ?  พวกเราจะยอมหรือไม่ ?  พวกเราจะยอมตกเป็นชาติที่อ่อนแอขี้ขลาดหรือไม่ ?  พวกเรายินยอมที่จะสูญเสียคุณค่าแห่งความเป็นชาติหรือไม่ ?  ช่วงเวลานี้คือช่วงเวลาที่เราจะต้องเลือก  ผมคิดว่าชาวเวียดนามส่วนใหญ่เลือกที่จะรักษาไว้ซึ่งพื้นที่ทางทะเลและเกาะแก่งต่างๆ และรักษาชาติบ้านเมืองเอาไว้  พวกเราต้องเลือกที่จะพัฒนาชาติบ้านเมืองของเราให้มีความเติบโต เข้มแข็ง และวัฒนาถาวรเพื่อมิให้ชาติอื่น ๆ ที่แม้ว่าจะมีความเข้มแข็งเพียงใดก็มิอาจรังแก ล่วงละเมิดคุณค่าความเป็นชาติ ล่วงละเมิดอธิปไตยและบูรณะภาพเหนือดินแดนของเรา

บนโลกใบนี้มี 10 ประเทศที่ไม่มีชาติใดสามารถรังแกพวกเขาได้ เวียดนามก็เป็นหนึ่งในชาติเหล่านั้น  อย่างไรก็ตาม คุณค่าแห่งความเป็นชาติกำลังถูกท้าทาย  เราจะยอมได้อย่างไรหากกองกำลังที่ถูกต้องตามกฏหมายของเราถูกขับไล่ออกมาจากพื้นที่น่านน้ำของเรา ?  


พวกเราต้องรักษาหาดตือจิ๋งไว้ให้ได้  

สิ่งแรกที่เราต้องทำคือการยืนยันกรณีหาดตือจิ๋ง  หากพวกเราไม่ยืนยันว่านี่คือการรุกรานนั้นก็อาจจะมีบางคนที่พร้อมจะลุกขึ้นมาตั้งคำถามว่าพวกเราจะทำสงครามเพราะเหตุนี้งั้นหรือ ?  ในกรณีนี้ความเข้าใจเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง  สิ่งที่สองคือเหตุผล ช่วงเวลานี้คือช่วงที่พวกเขากำลังดำเนินกลยุทธ์ในขั้นที่ต่ำกว่าระดับของสงครามโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับการทำสงครามการค้า  หากพวกเขาตัดสินใจลั่นกระสุนแน่นอนว่ามันจะนำความตกต่ำมาสู่พวกเขา  แน่นอนว่าความฝันของพวกเขาจะต้องถูกฝังไว้ใต้ท้องทะเลแห่งนี้  มิเพียงแต่ชาติในภูมิภาคนี้เท่านั้นแต่ยังมีอีกหลายประเทศที่กำลังรอคอยโอกาสนี้เพื่อจัดการกับพยัคฆ์ที่กำลังลำพองให้เชื่องลง  หลายชาติกำลังรอคอยเวลานี้  ดังนั้น พวกเราต้องดำเนินการอย่างแข็งกร้าวและรอบคอบ  พวกเขากำลังดำเนินยุทธศาสตร์ที่ต่ำกว่าระดับของสงครามด้วยแผนยุทธศาสตร์ที่เรียกว่าพื้นที่สีเทา (Gray-Zone Strategy) ซึ่งใกล้เคียงกับระดับการทำสงครามอันส่งผลให้ชาติต่าง ๆ เกิดความหวาดกลัว  อย่างไรก็ตามจะต้องมีความขัดแย้งและการปะทะกันอย่างรุนแรงเกิดขึ้น  นี่คือสิ่งที่เรียกว่าการต่อสู้เชิงจิตวิทยา  หากพวกเราได้เตรียมความพร้อมในการทำสงครามพวกเราจะมีสันติภาพ และนี่คือยุทธวิธีของซุนวู    

อาจมีผู้กล่าวว่า ความเห็นของผมนั้นเจือเคล้าด้วยความคิดแบบสุดโต่ง  สำหรับผม ความเชื่อนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง  หากพวกเราเชื่อว่าพวกเราจะสามารถรักษาพื้นที่ทางทะเลและรักษาหาดตือจิ๋งไว้ได้แล้วในท้ายที่สุดพวกเราก็จะทำมันได้สำเร็จ  ความเชื่อเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเป็นพื้นฐานสำหรับเราที่จะมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรักษาพื้นที่ทางทะเลและเกาะแก่งเอาไว้ได้

และทะเลนั้นเป็นของเรา เกาะก็เป็นของเรา แม้นว่าพวกเราไม่มีความแข็งแกร่งใด ๆ เลยก็ยังรักษามันเอาไว้ได้  มีหลายคนที่กำลังสับสนถึงช่วงเวลาที่เรากำลังดำเนินชีวิตอยู่นี้  ช่วงเวลานี้แตกต่างจากช่วงเวลาในช่วงยุคกลาง  ในยุคนี้ไม่ควรที่จะเปรียบเทียบว่าเรานั้นอ่อนด้อยส่วนพวกเขานั้นแข็งแกร่ง  ขออภัยที่จะต้องกล่าวว่านั่นคือการเปรียบเทียบที่โง่เง่าสิ้นดี  ผมขอเรียนว่า ช่วงเวลานี้ไม่ใช่ยุคกลาง  ยุคสมัยของพวกเราคือยุคสมัยของศตวรรษที่ 21 ระเบียบของโลกโดยเฉพาะทางด้านความมั่นคงที่ได้รับการจัดวางตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองนั้นยังคงดำรงอยู่  ระบบของกฎหมายระหว่างประเทศนั้นก็ยังดำรงอยู่ด้วยเช่นกัน  กล่าวได้ว่าข้อตกลงระหว่างประเทศก็ได้รับการยึดถือปฏิบัติในอัตราสูงถึงร้อยละ 99 

ผมยอมรับข้อเท็จจริงประการหนึ่งว่า ในทุกวันนี้ประเทศต่าง ๆ นั้นยังคงใช้กำลังอาวุธ  อย่างไรก็ตาม การใช้กำลังอาวุธนั้นก็จำต้องมีเหตุผลเพียงพอ  แล้วเหตุผลของพวกเขานั้นคืออะไร ?  แนวหาดตือจิ๋งเป็นของพวกเขางั้นหรือ ?  หรือว่าพวกเราเป็นฝ่ายปล้นเอาพื้นที่ทางทะเลและเกาะแก่งของเขา ?  หากพวกเขาสามารถหาหลักฐานมายืนยันถึงสิ่งที่ผมได้กล่าวไปแล้วนั้นพวกเขาจึงจะมีสิทธิใช้กำลังอาวุธ  ทว่าพวกเขาจะหาหลักฐานมายืนยันได้อย่างไร แน่นอนว่าพวกเขาไม่สามารถหาหลักฐานมายืนยันได้  

ผมคิดว่าไม่ว่าจะตกอยู่ภายใต้สถานการณ์อย่าไร พวกเราก็สามารถป้องกันการนำแท่นสำรวจล่วงล้ำเข้ามาในพื้นที่ทางทะเลของพวกเรา  เหตุผลก็คือยังไม่มีประเทศใด ๆ บนโลกนี้ที่สามารถกระทำการเยี่ยงนั้นได้  ถ้าหากใคร ๆ ก็ทำได้พวกชาวอเมริกัน หรือชาวญี่ปุ่นก็คงจะยึดครองเอาพื้นที่ทางทะเลของโลกนี้ไว้ได้ทั้งหมดไปแล้ว  ขอยืนยันว่าไม่มีใครสามารถใช้อำนาจทางอาวุธเพื่อยึดครองพื้นที่ทางทะเล 

ผมคิดว่าพวกเราไม่อาจที่จะปล่อยให้เกิดการสูญเสียพื้นที่ทางทะเลของเราได้  ผมพูดเช่นนี้มาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปีแล้ว  พวกเราไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่จะปล่อยให้สูญเสียพื้นที่ทางทะเลและเก่าแก่งต่าง ๆ 

พวกเรามีหลักฐานและกฎหมายระหว่างประเทศรองรับเพื่อที่จะเกลี้ยกล่อมให้พวกเขาหันมาปฏิเสธอธิปไตยเหนือพื้นที่หมู่เกาะหว่างซา เจื่องซา และแผนที่ลิ้นวัว  นี่คือเครื่องมือที่สำคัญยิ่ง ทั้งยังเป็นความเชื่อมันที่สำคัญที่ยืนยันว่าพวกเราสามารถที่จะปกปักรักษาพื้นที่ของพวกเราไว้ได้ 

ทั้งนี้ สำนึกของประชาชนก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน  หากว่าทะเลตะวันออกนั้นอยู่ในจิตสำนึกของชาวเวียดนามแต่ละคนพื้นที่ทางทะเลแห่งนี้ก็มิอาจสูญเสียไปได้  หากพวกเราไม่แยแส เฉยเมย ไม่สนใจต่อพื้นที่ทางทะเล การที่จะปกปักรักษาไว้ได้ก็จะตกอยู่ในสภาวะที่ยากลำบาก  กล่าวได้ว่า สำนึกของผู้คนนั้นเป็นสิ่งที่ตัดสินทุกสิ่งทุกอย่าง  พวกเราต้องมีความสมัครสมานสามัคคีในหมู่พี่น้องประชาชน  หากรวมแรงใจของพี่น้องชาวเวียดนามจำนวน 96 ล้านคนให้เป็นหนึ่งเดียว การรักษาไว้ซึ่งพื้นที่ทางทะเลและเกาะแก่งต่าง ๆ ก็จะประสบความสำเร็จ  

อย่างไรก็ตาม พวกเราจะต้องเตรียมความพร้อมทางด้านแผนการอันถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด การดำเนินการต่าง ๆ อาจมิเป็นเพียงแค่การยื่นเอกสารทางการทูตหรือการพบปะเจรจาเท่านั้น  พลังของพวกเรานั้นสูงมาก ชื่อเสียงของกองทัพประชาชนเวียดนามนั้นมีความแข็งแกร่งเทียบได้กับกำลังพลจำนวน 50 กองพลที่มีความพร้อมและได้รับการติดอาวุธที่ทันสมัย  นักการทูตที่ประจำการ ณ องค์การสหประชาชาติหลายคนได้กล่าวกับผมเช่นนี้ พวกเขานั้นมีความยำเกรงต่อประเทศเวียดนาม

กระนั้น ประสบการณ์ของพวกเราต่อกรณีเช่นนี้ยังถือว่าน้อยนัก  พวกเราต้องทำการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารให้กว้างขวางออกไปอีกเพื่อให้เห็นว่า ถ้าหากพวกเขาสามารถย่างกรายเข้ามาในพื้นที่ทางทะเลของพวกเราได้ 1 ขาแล้วพวกเขาก็จะก้าวเข้ามาอีก 1 ขา และรุกเข้ามาเรื่อย ๆ เมื่อเป็นเช่นนั้นพวกเราก็จะสูญเสียพื้นที่ในการตั้งรับทางยุทธศาสตร์ทางท้องทะเลของพวกเรา  

ในท้ายที่สุด การประนีประนอมนั้นมิใช่ทางเลือกที่มีประสิทธิภาพ  พวกเรานั้นเคยแสดงออกแบบเจียมเนื้อเจียมตัวและประนีประนอมแต่ก็ไม่ได้ผล และนำมาซึ่งเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตามแนวหาดตือจิ๋ง  ด้วยเหตุนี้ พวกเราจึงต้องมีความเชื่อและยืนยันว่าไม่ว่าจะเป็นการประนีประนอมในรูปแบบใด ๆ ก็ไม่สามารถที่จะนำไปสู่สันติภาพได้   

Tư Giang - Vietnamnet
Suriya Khamwan แปล
Share :
Từ khóa:
Other news
Gửi thảo luận trên Facebook